oem ผลิตเครื่องสําอาง
oem ผลิตเครื่องสําอาง บริษัทผลิตเครื่องสําอาง รับผลิตเครื่องสำอาง OEM/ODM แบบ one stop service ครบทั้งสิ้นเกาหลีใต้ วิจัยและพัฒนาสูตรจากเกาหลีใต้ พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของยี่ห้อเครื่องสำอางคุณภาพสูงจากเกาหลีแท้ๆ รวมตัวกันสารสกัดจากทั่วทั้งโลก ผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย สั่งการแนวทางการผลิตครีมทุกกรรมวิธีการ คิดค้นสูตรโดยทีมผู้ที่มีความชำนาญ R&D ที่มีเรื่องราวที่ผ่านมามากกว่า 15 ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความสะดุดตาไม่ซ้ำใคร ตอบคำถามทุกความต้องการเพื่อผู้มีความต้องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง
การผลิตแบบ OEM คืออะไร การว่าจ้างผลิตสินค้าที่เจ้าของแบรนด์ต้องรู้
สำหรับคนที่ขายของมาสักพักใหญ่และเริ่มต้นอยากจะขยายแบรนด์สินค้าตัวเองให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น แต่ก่อนคงจะรับของผู้อื่นมาขาย ดังเช่นว่าเสื้อผ้า หรือครีมต่างๆ เมื่อถึงจุดที่ รับทํา oem เครื่องสําอาง พ่อค้าแม่ค้า คงจะคิดว่าเสื้อผ้า หรือ ครีมที่พวกเราเอามาขายอันที่จริงแล้วเราก็สามารถทำเป็นแล้วได้เช่นเดียวกัน แต่อาจจะขาดเรื่องของกำลังทรัพย์เหตุเพราะวิธีการทำเสื้อผ้า ปริมาณมากๆจำเป็นมากควรต้องใช้เครื่องยนต์กลไกปริมาณมาก และคนงาน ไหนจะการลงทุนเรื่องของพื้นที่ เช่าตึก
ด้วยเหตุการณ์เศรษฐกิจการลงทุนปริมาณมากคงอาจจะเป็นความเสี่ยงเกินความจำเป็น ด้วยเหตุนี้ในปัจจุบันมีลู่ทางใหม่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการเริ่มต้นทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ตัวของเราเองค้าขายนั่นก็คือแนวทางการทำ OEM หรือ Original equipment manufacturer คือการผลิตผ่านผู้รับว่าจ้างผลิตสินค้า ซึ่งเดี๋ยวนี้การจ้างผลิตมีโรงงานที่รับจ้างลักษณะปริมาณจำนวนไม่ใช่น้อยเยอะๆ ซึ่งแนวทางการทำ OEM มีรับทำตั้งแต่วางแบบผลิตภัณฑ์สินค้า หาวัตถุดิบ ผลิตผลิตภัณฑ์ และโรงงานที่เป็น OEM นอกจากนั้นจะมีความเชี่ยวชาญในงานผลิตแล้วยังมีความชำนิชำนาญในเรื่องวิธีการทำตลาดผลิตภัณฑ์ด้วย เนื่องจากว่าเขาจะได้รับคำถามในการผลิตไม่เหมือนเดิมเสมอ และมีการทำงานที่ผ่านมาสำหรับในการปฏิบัติการที่รู้ดีว่าแบบไหนดีหรือเลวร้าย แต่การจ้างโรงงาน OEM ทำนั้นก็มีทั้งดีและข้อผิดพลาด วันนี้พวกเราก็มีบทสรุปง่ายๆ มาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันดังนี้
โฟมล้างหน้าลดสิว เพื่อผิวเป็นสิว
สำหรับสาวที่เป็นสิวไม่ยาก ควรล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่มีสูตรสำหรับลดสิว ไม่มีฟอง ที่อ่อนโยนกับผิวหน้า มีส่วนที่นำมาผสมกันของกรดซาลิไซลิค เอซิด (Salicylic Acid) อย่างอ่อน ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ลดการอุดตันของรูขุมขน ได้ผลดีสำหรับสิวที่ไม่ร้อนแรง อย่างสิวหัวดำ สิวหัวสว่าง หรือสิวผด แล้วตามด้วยเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์ที่มีส่วนที่นำมารวมกันลดสิว และยาแต้มสิว ไม่ต้องการที่จะอยากให้มุ่งมาดว่าจะรักษาสิวด้วยโฟมล้างหน้า โฟมล้างหน้าจำพวกผสมตัวยาเพื่อที่จะลดการเกิดสิว ไม่ควรใช้ติดต่อและทำการสื่อสารกันเป็นเวลายาวนาน เนื่องด้วยจะก่อให้ผิวกระด้าง สามารถสลับใช้โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนบ้างได้ ก็จะยิ่งดีจ้ะ
โฟมล้างหน้าผิวแพ้ไม่ยาก สาวที่มีผิวแพ้ง่าย สภาวะผิวนี้ก็ควรระวังการเลือกเฟ้นใช้ทุกอย่างกับเค้าหน้า ไม่เพียงแค่โฟม กว้างขวางสกินแคร์ และเครื่องสำอางด้วย ไม่ควรใช้โฟมล้างหน้าแบบมีฟอง เพราะฟองทั่วไปจะมีประจุไฟฟ้าขั้วดิ่งข้ามกับผิว จะชมดเข้าหาผิว จึงเกิดสารตกค้างบนผิวได้ง่าย ควรจะเลือกเจลล้างหน้าแบบไร้ฟองสูตรอ่อนโยนเป็นพิเศษจะเป็นต่อกว่า นอกจากนั้นนี้เลี่ยงโฟมล้างหน้าที่มีส่วนที่นำมาผสมกันของแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน รวมถึงกรดอัลฟา และเบต้าไฮดรอกซี (AHAs/BHAs) ซึ่งอาจกระตุ้นให้ผิวแพ้ได้ไม่ยาก
TIP: วิธีและเทคนิคของสาวผิวแพ้ง่ายคือ ข้างหลังล้างหน้าแล้ว ให้จบการล้างหน้าด้วยน้ำเย็น จะช่วยทำให้ผิวระคายเคืองลดลง
ข้อเสนอแนะ : คนที่เป็นสิวหรือแพ้ง่าย ควรจะล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าข้างหลังสระผม เพื่อล้างความมันของครีมนวดที่คงจะตกค้างบริเวณกรอบหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้กำเนิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบได้
โฟมล้างหน้าสำหรับผิวผสมสาวผิวผสม คือ สาวที่มีบริเวณผิวแห้งเป็นเล็กน้อยและมันเป็นนิดหน่อย จับเป็นสภาพผิวที่ชมแลรักษายากหน่อย โดยมากแล้ว สภาพผิวผสมบริเวณกรอบหน้าจะแห้ง ส่วนบริเวณทีโซนจะมัน หรือผิวผสมอีกแบบคือ ทีโซนเป็นผิวปกติ แต่ช่วงกรอบหน้าเป็นผิวแห้ง ควรจะหาโฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื้น หรือจะเลือกโฟมล้างหน้าสำหรับผิวมันเพื่อที่จะเน้นล้างณ เวลาทีโซน และล้างเพียงเล็กน้อยรอบๆกรอบหน้า ก็จะช่วยบาลานซ์แนวทางการทำความสะอาดผิวผสมได้จ้ะ
หากไม่ขี้เกียจจนเกินไป คัดเลือกซื้อโฟมล้างหน้าแยกใช้เช้ากับเย็น ในตอนเช้าเลือกโฟมที่อ่อนบาง อาจจะจะมีกลิ่นอโรม่าเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นยามเช้า ส่วนช่วงเย็นคัดสรรค์โฟมล้างหน้าที่ทำความสะอาดได้ล้ำลึก กำจัดความมันและสิ่งเปรอะเปื้อนออกไปจากผิวให้ได้หมดจดขึ้นมา และถ้ามีส่วนที่นำมาคลุกเคล้าของสารที่ให้ความชื้นอิ่มน้ำก็จะยิ่งดีค่ะ
สรุปแล้วถึงแม้ว่าโฟมล้างหน้าเป็นกรรมวิธีแรกที่พวกเราไม่ค่อยตั้งใจนัก แต่ทดลองคิดดูนะคะ หากพวกเราไม่เตรียมการผิวให้พร้อมรับการบำรุง ต่อให้เราใช้สินค้าบำรุงที่มีราคาสูง หรือมีสูตรที่ดีเท่าไร การบำรุงนั้นก็จะมิได้ศักยภาพ ฉะนั้นการล้างบทบาทแม่นยำ ถือเป็นส่วนหนึ่งสำหรับในการดูแลผิวขั้นเบื้องต้นที่จำเป็นมากที่สุดเลยนะคะ
แดดเมืองไทย ใช้ครีมกันแดดแบบไหนดี?
ทุกท่านต่างรู้กันว่าประเทศไทยมีแสงแดดที่รุนแรง ถึงขนาดส่งผลให้พวกเราแสบผิวได้ในขณะสั้นๆ ด้วยเหตุนั้น ครีมกันแดดก็เลยมีความจำเป็นเป็นอย่างมากในการดูแลผิวพรรณของคนไทยทุกท่าน เราจึงต้องการนำเสนอวิธีการเฟ้นใช้ครีมกันแดดได้อย่างถูกต้องแม่นยำให้ทุกคนได้รู้กันค่ะ
ในวันที่จำเป็นต้องเผชิญแสงแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป ถ้าอยู่ด้านในที่ร่ม ก็สามารถใช้ SPF ที่ลดน้อยลงได้
เลือกครีมกันแดดที่ ปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ SPF แล้วควรจะพิจารณาว่ามีเฉพาะเจาะจงว่า PA++ ด้วย
ถ้าวันที่จะต้องมีเหงื่อ ออกกำลังกาย หรือว่ายน้ำ จะต้องคัดเลือกครีมกันแดดประเภท Water proof หรือ Water Resistance เพื่อที่จะให้สารกันแดดยังอาจติดอยู่ที่ผิวหนังได้ยาวนานขึ้น
ทราบอย่างนี้แล้ว ครั้งต่อมาที่เลือกเฟ้นซื้อครีมกันแดด อย่าทำเป็นนึกไม่ออกสังเกตสิ่งที่เขียนอยู่บนฉลาก และเลือกเฟ้นให้เหมาะกับพฤติกรรมของแต่ละคนด้วยนะคะ
ครีมกันแดด เลือกเฟ้นใช้เช่นไรให้ป้องกันผิวได้ดี
ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ สารที่ช่วยคุ้มครองป้องกันผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) โดยช่วยให้ผิวผิดแสงแดดทำลายจนไหม้หรือเกิดจุดด่างดำต่าง ๆ รวมทั้งลดจังหวะเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง ส่วนที่นำมาคลุกเคล้าที่อยู่ด้านในครีมกันแดดจะช่วยคุ้มครองป้องกันผิวด้วยเคล็ดลับต่าง ๆ ทั้งชมดซับรังสีอัลตราไวโอเลต คุ้มครองอันดับผิวที่อยู่ลึก หรือสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตกลับออกไป ทั้งนี้ ครีมกันแดดมีให้คัดเลือกใช้หลากหลายแบบ ดังเช่น โลชั่น ครีม ขี้ผึ้ง หรือสเปรย์
ครีมกันแดดสามารถแยกประเภทได้หลายหมวดหมู่ โดยการจัดครีมกันแดดจะแบ่งออกเป็นจำพวกตามกลไกการคุ้มครองแสงแดด และประเภทตามบริเวณที่ใช้ทา ฉะนั้น
ชนิดตามกลไกการคุ้มครองแสงแดด หากกลั่นกรองกลไกการคุ้มครองแสงแดด ครีมกันแดดสามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ยกตัวอย่างเช่น สารกันแดดแบบเคมี และสารกันแดดแบบกายรูป ด้วยประการฉะนี้
-สารกันแดดแบบเคมี (Chemical Absorbers) ครีมกันแดดชนิดนี้จะปกป้องผิวจากแสงแดด โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติดูดซับแสงแดดที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีบนผิวหนัง สารกันแดดชนิดนี้มีประสิทธิภาพไม่เหมือนกันไปตามจำพวกของสารกรองแสงที่ช่วยคุ้มครองรังสียูวีเอ (Ultraviolet A) และรังสียูวีบี (Ultraviolet B) ทั้งนี้ สารกันแดดแบบเคมีมักไม่คงจะทน รวมถึงนำมาซึ่งการระคายเคืองผิวได้
-สารกันแดดแบบกายภาพ (Physical Blockers) ครีมกันแดดที่ผสมสารกันแดดแบบกายรูป จะป้องกันผิวจากแสงแดด โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีจากแสงแดดออกไป สารกันแดดจำพวกนี้คุ้มครองป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและรังสียูวีบี ไม่ทำให้มีการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับผิวหนัง อย่างไรก็ตาม สารกันแดดแบบกายภาพจะมีเนื้อครีมที่ข้นและเหนียวเหนอะหนะ
จำพวกตามรอบๆที่ใช้ทา ครีมกันแดดมีให้เลือกใช้หลากหลายแบบตามความต้องการ ซึ่งอาจจำแนกแยกแยะตามบริเวณที่ใช้ทาครีมกันแดด โดยปกติแล้ว ครีมกันแดดจะมีทั้งแบบโลชั่น ครีม เจล ขี้ผึ้ง สเปรย์ หรือผสมอยู่ภายในสินค้าเครื่องสำอางอื่น ๆ ซึ่งมีสาระใช้สอยและเหมาะกับวิธีใช้ทาเพื่อคุ้มครองป้องกันแสงแดดตามรอบๆต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนั้น้
-แบบครีม เหมาะใช้ทารอบๆเค้าหน้าและคนที่มีผิวแห้ง
-แบบเจล เหมาะสำหรับทารอบๆที่มีขน อาทิเช่น หนังศีรษะหรือหน้าอกของเพศชาย
-แบบแท่ง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบแท่ง คงจะผสมสารกันแดดเข้าร่วมด้วย ซึ่งเหมาะใช้ทาบริเวณที่อยู่รอบดวงตา
-แบบสเปรย์ สารกันแดดในเวอร์ชั่นสเปรย์คงจะเอามาใช้ทากันแดดให้แก่เด็ก เหตุเพราะทาได้ง่าย โดยควรจะทาสารกันแดดเพื่อคุ้มครองผิวในจำนวนที่พอเพียง และไม่ควรสูดดมหรือฉีดสเปรย์ใกล้วัตถุไวไฟหรือช่วงเวลาที่สูบบุหรี่
นอกเหนือจากนั้นนี้ ยังมีครีมกันแดดที่สร้างขึ้นมาเพื่อเด็กหรือผู้ที่มีผิวแพ้ไม่ยากโดยยิ่งไปกว่านั้น รวมถึงผสมสารปกป้องแสงเอาไว้ในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ซึ่งควรที่จะใช้ตามวัตถุประสงค์หลักของสินค้านั้น ๆ ไม่ควรนำมาใช้เพื่อที่จะคุ้มครองแสงแดด
ครีมกันแดดจะควรค่าคุ้มครองแสงแดดหรือค่า SPF (Sun-Protection Factor: SPF) กำหนดไว้บนผลิตภัณฑ์ โดยค่า SPF คือจำนวนที่ใช้พูดอันดับการป้องกันผิวจากแสงแดด จำนวนที่แตกต่างกันนั้นประเมินจากการปกป้องรังสียูวีบีว่าป้องกันได้มากยิ่งกว่าปกติกี่เท่า แม้กระนั้น ค่า SPF มิได้แสดงศักยภาพของการปกป้องรังสียูวีเอ เป็นต้นว่า ผู้ที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดจะมีผิวหนังแดงหลังตากแดดเป็นช่วง 15 นาที ส่วนคนที่ใช้ครีมกันแดดที่ค่า SPF 30 จะเกิดอาการดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างหลังตากแดดเป็นช่วง 450 นาที โดยคิดจากเวลาปกติที่ผิวหนังทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่า SPF ที่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากถึง 30 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นนี้ การคุ้มครองปกป้องผิวจากแสงแดดขึ้นอยู่กับสาเหตุหลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่น ช่วงเวลาที่ออกแดด ระยะเวลาที่ออกแดด สภาพแวดล้อม ฤดูกาล และอากาศ อีกทั้งยังมีลำดับขั้นความแรงของแสงแดด การเสียดสีรับรู้ เหงื่อ หรือน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นผลให้สมรรถนะของค่า SPF ในครีมกันแดดที่ใช้ทาจริงต่ำลงมากยิ่งกว่าค่าที่ได้จากห้องทดทดสอบ คนที่ใช้ครีมกันแดดจะต้องหลบหลีกอยู่กลางแจ้งที่มีแดดจ้าเป็นตอนยาวนาน และจะต้องทาครีมกันแดดซ้ำอยู่ตลอด หรือทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง